หลานม่า เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่าครอบครัวเกี่ยวกับครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน สร้างโดย จอกว้าง ฟิล์ม จัดจำหน่ายโดย จีดีเอช ห้าห้าเก้า กำกับภาพยนตร์โดย พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ อำนวยการสร้างโดยวรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ และจิระ มะลิกุล นำแสดงโดย พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ต้นตะวัน ตันติเวชกุล สัญญา คุณากร พงศธร จงวิลาส สฤญรัตน์ โทมัส และนักแสดงอาวุโส อุษา เสมคำ กำหนดฉายวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567
เรื่องราวที่มีเค้าแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงในครอบครัวสังคมไทย ผ่านตัวละครของ เอ็ม (พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ กลับมาใช้ชีวิตร่วมกับอาม่า (อุษา เสมคำ) ผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัว เบื้องหน้าที่ดูเหมือนหลานมาดูแลอาม่าในบั้นปลายชีวิต แต่แท้จริงแล้วเอ็มมีจุดประสงค์บางอย่างซ่อนอยู่ หลังได้รู้ว่า มุ่ย (ต้นตะวัน ตันติเวชกุล) ได้รับมรดกก้อนใหญ่เป็นบ้านราคาสิบล้านบาทจากอากง เอ็มจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อาม่าไว้ใจ แต่กำแพงที่อาม่าตั้งไว้ ทำให้เอ็มได้เริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตไปทีละน้อย จนอะไรบางอย่างถูกอามาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พร้อมฉ‘หลานม่า’ พร้อมเข้าฉายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 4 เมษายน 2567 เพียงแค่ฉายรอบปฐมทัศน์ กระแสก็พุ่งแรงติดเทรนด์ใน Google กลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่น่าติดตามที่สุดในช่วงนี้ ทาง Spacebar VIBE มีโอกาสได้เข้าชมจึงอยากนำมารีวิวภาพรวมของหนัง สำหรับใครที่ลังเลว่าจะดูหรือไม่ หนังดีแค่ไหน หรือคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปร่วมสองชั่วโมงหรือไม่ายให้เข้าชมกันทั่วประเทศแล้วในวันที่ 4 เมษายนนี้ จึงถือโอกาสในการรีวิวภาพยนตร์ในภาพรวมโดยไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
หยิบยกจากเรื่องราวชีวิตครอบครัวชาวไทยเชื่อสายจีนมาใส่ไว้ในเรื่อง บอกเล่าเรื่องราวของ อาม่า และหลานชาย ที่เริ่มก่อร่างสร้างความทรงจำและความผูกพันท่ามกลางปัญหาครอบครัวและปัญหาการเงิน นำแสดงในบทหลานชายโดย บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง เผือก-พงศธร จงวิลาส, ดู๋-สัญญา คุณากร, ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล และบทบาทสำคัญคือ แต๋ว-อุษา เสมคำ นักแสดงอาวุโสที่เพิ่งเคยแสดงหนังใหญ่เป็นเรื่องแรกในบทอาม่า
หลานม่า (LAHNMAH) ภาพยนตร์ไทยแนวครอบครัว ดราม่า อบอุ่น หนังคืนฟอร์มของ GDH ที่จะทำให้คุณสะอื้นไม่หยุด จนอยากกลับไปกอดคนที่บ้าน แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่มีทุกครอบครัว ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ มีกำหนดเข้าฉาย 4 เมษายน 2024 ช่วงเทศกาลเช็งเม้งและสงกรานต์ ปักวันฉายเรียกว่าดักไว้หมดแล้ว ดูแล้วอยากกลับไปเจอคนที่บ้านแน่ๆ
เอ็ม (บิวกิ้น พุฒิพงศ์) ตัดสินใจดรอปเรียนตอนปีสี่ เพื่อมาเอาดีทางการแคสต์เกมแต่ทำยังไงก็ไม่รุ่ง เอ็มเลยคิดว่าจะรวยด้วยการทำงานสบายๆ แบบ มุ่ย (ตู ต้นตะวัน) ลูกพี่ลูกน้อง ที่รับหน้าที่ดูแลอากงที่ป่วยระยะสุดท้าย จนกลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ได้รับมรดกเป็นบ้านราคากว่าสิบล้าน
เส้นทางเศรษฐีอยู่ตรงหน้า เอ็มจึงอาสาไปดูแลอาม่า (แต๋ว-อุษา เสมคำ) ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง และน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินปี โดยหวังว่าจะได้รับมรดกหลักล้านเช่นกัน
เมื่อหลานกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ต้องมาอยู่ร่วมกัน การต่อปากต่อคำจึงเกิดขึ้นในทุกโมเมนต์แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ให้อาม่าลืมเหงาจากการเฝ้ารอลูกชายคนโต กู๋เคียง (ดู๋ สัญญา) ลูกสาวคนกลางอย่าง แม่ของเอ็ม (เจีย สฤญรัตน์) และลูกชายคนเล็กอย่าง กู๋โส่ย (เผือก พงศธร) ที่จะมาพร้อมหน้ากันตามเทศกาลต่างๆ เท่านั้น
ภาพยนตร์นำแสดงโดย บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล จาก แปลรักฉันด้วยใจเธอ (2563), ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล จาก F4 Thailand : หัวใจรักสี่ดวงดาว (2564), ดู๋-สัญญา คุณากร จาก ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ (2562), เจีย-สฤญรัตน์ โทมัส จาก ฉลาดเกมส์โกง (2560), เผือก-พงศธร จงวิลาส จาก อ้าย..คนหล่อลวง (2563) และ แต้ว-อุษา เสมคำ นอกจากนี้ หลานม่า จะเป็นผลงานเรื่องแรกที่ GDH ได้ร่วมมือกับ WME Independent ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่จะมาร่วมดูแลการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในต่างประเทศ
“คนที่กลับบ้านไปเมื่อไหร่ก็เจอ อาจไม่ได้อยู่รอเราตรงนั้นตลอดไป” คำโปรยสุดแสนเล่นกับใจคนของภาพยนตร์ หลานม่า มาพร้อมหน้าหนังที่อบอวลไปด้วยความสุขของครอบครัว เป็นสิ่งดึงดูดใจผู้ชมอีกทั้งโทนหนังก็แปะป้ายมาเลยว่าหนังแนวครอบครัวที่เตรียมทำให้ต่อมน้ำตาคนดูพังครืน จนโหยหาคิดถึงคนที่บ้าน บอกเลยว่า ในรอบกาล่าของภาพยนตร์ หลานม่า (1 เมษายน) GDH ทำถึงสุดๆ เชื่อว่าใครที่ไปดูต้องร้องไห้จนตาฉ่ำวาวออกจากโรงภาพยนตร์อย่างแน่นอน (ย้ำว่าต้องพกทิชชู่ไปด้วยจริงๆ)
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงของหนัง บอกเลยว่าดีไม่มีอ่อม หนังใส่ความเรียบง่ายและความเรียลของชีวิตผู้คน เล่าผ่านเรื่องผ่าน อาม่าที่อยู่บ้านเก่าๆ รอลูกหลานมาเจอพร้อมหน้าในเทศกาลสำคัญ ลูกหลานที่ออกไปหางานทำสร้างครอบครัว จนละเลยใครบางคนที่รออยู่ที่บ้าน ยามเมื่อทุกตัวละครมารวมตัวอยู่บ้านอาม่าในเทศกาลสำคัญ ทำให้ได้เห็นความอบอุ่นที่ชวนยิ้มออกมา บรรยากาศความธรรมชาติที่พบเห็นได้ทุกครอบครัว แต่เวลาดีๆ เหล่านี้จะคงอยู่อีกนานไหม
แม้หนังจะเล่าเรื่องราวของครอบครัวคนไทยเชื่อสายจีน แต่เชื่อว่าครอบครัวคนไทยเองจูนหนังติดได้ไม่ต่างกัน คุณอาจจะกลายเป็นลูกชายคนโตที่มีครอบครัวสุขสบาย, ลูกสาวคนกลางที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสู้ชีวิต, ลูกชายคนเล็กชายโสดอารมณ์ดีมีแววเอาตัวไม่รอด หลานชายที่ไม่เอาไหนแต่ดูแลอาม่าอย่างเอ็ม หรือแม้แต่อาม่าที่รอพบหน้าลูกหลานรวมตัวกัน ไม่ว่าจะตัวละครไหนก็อาจทำคุณสะท้อนในใจจนเสียน้ำตา ทั้งบทและบรรยากาศนำพาให้เราอินตามได้แบบไม่รู้ตัว
เคมีของ เอ็ม ผู้เป็นหลาน รับบทโดยบิวกิ้น พุฒิพงศ์ และ อาม่า รับบทโดย ยายแต๋ว อุษา ถ่ายทอดเป็นความธรรมชาติ ความต่างทางอายุของตัวละครกว่า 50 ปี ต้องมาอยู่ร่วมกันมีโมเมนต์การต่อปากต่อคำให้คนดูได้ยิ้มและหัวเราะออกมาได้ยอดเยี่ยม ถ่ายทอดออกมาได้สุดแสนจะธรรมชาติเหมือนได้เห็นอาม่าสายสตรองและหลานชายขี้กวนที่ทำลายความเหงาของกันและกันในแต่ละวัน
คนดูเดาทางได้ว่าหนังจะพาไปเจอกับอะไร แต่ระหว่างทางเต็มไปด้วยความเรียลและความเรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ใจ นั้นค่อยๆ แทรกซึมพาคนดูไต่อารมณ์ไปตามตัวละคร และปล่อยให้ซึมซับอารมณ์ในใจ จนต้องหยิบทิชชู่มาซับน้ำตา และเป็นแบบนั้นหลายฉากหลายซีน กว่าจะจบเรื่องก็นั่งสะอื้นสูดน้ำมูกซึมๆ อึนๆ ในใจ ไม่ถึงกับปล่อยโฮฟูมฟายออกมา แต่ได้สะอื้นซับน้ำตาแน่นอน
โดยรวมแล้ว หลานม่า เป็นหนังครอบครัวที่ห่างหายจากวงการหนังไปพักใหญ่ การกลับมาคืนฟอร์มตรงตามลายเส้นของ GDH เรียกว่าทำถึง สมกับการฟูมฟักกว่า 3 ปีของผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ เรียบง่ายทรงพลัง แนะนำให้ไปดูจริงๆ หลานม่า เข้าโรง 4 เมษายน 2567 นี้